Main Menu
Contact Us
Notice
การขอประกันตัวในชั้นศาลมี 2 ช่วง
ช่วงแรก คือ เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการนำตัวผู้ต้องหามาขอฝากขังต่อศาลและศาลอนุญาตให้ขังซึ่งถือว่าผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจควบคุมของศาลแล้ว
ช่วงที่สอง คือ ช่วงที่ศาลประทับฟ้องของโจทก์ ผู้ต้องหามีสถานะเป็นจำเลยซึ่งต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในอำนาจของศาล
ดังนี้หากผู้ประกันประสงค์จะขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยก็จะต้องยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวนหรือระหว่างพิจารณาแล้วแต่กรณีต่อศาล
กำหนดเวลาที่ศาลอนุญาตให้ประกันมีดังนี้
ชั้นสอบสวน มีกำหนดเวลาเท่ากับระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ฝากขังจนกระทั่งมีการฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี
ชั้นพิจารณาของศาล สัญญาประกันใช้ได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกควบคุมตัวโดยศาล ผู้ประกันสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยใช้หลักประกันได้ดังนี้
หลักประกัน | เงื่อนไข/ลักษณะ |
1. การใช้หลักทรัพย์เป็นประกัน |
- เงินสด - ที่ดิน มีโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีหนังสือรับรองรา คาประเมินของสำนักงานที่ดิน ซึ่งไม่มีภาระผูกพันอันอาจกระทบต่อการบัง คับคดี หากจะนำสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินมาเป็นประกันด้วยก็จะต้องแสดงสำเนา ทะเบียนบ้าน และหนังสือประเมินราคาสิ่งปลูกสร้างที่น่า เชื่อถือประกอบด้วย - ห้องชุดมีโฉนดที่ดินและมีหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและต้องไม่มีภาระ ผูกพันอันอาจกระทบต่อการบังคับคดีได้ - หลักทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่กำหนดราคามูลค่าที่แน่นอนได้ เช่น พันธบัตร รัฐบาลสลากออมสิน, สลากออมทรัพย์ทวีสินของธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร, ใบรับเงินฝากประจำของธนาคาร, ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธนาคารเป็นผู้ออก, ตั๋วแลกเงินหรือเช็คที่ธนาคารเป็นผู้ สั่งจ่ายหรือรับรองซึ่ง สามารถเรียกเก็บเงินได้ในวันที่ทำสัญญาประกัน, หนังสือรับรองของธนาคาร เพื่อชำระเบี้ยปรับแทนในกรณีผิดสัญญาประกัน |
2. การใช้บุคคลเป็นประกัน |
เป็นผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน เช่น - ข้าราชการ, ข้าราชการบำนาญ - สมาชิกรัฐสภา - ผู้บริหารราชการส่วนท้องถิ่น - สมาชิกสภาท้องถิ่น - นักงานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น - พนักงานรัฐวิสาหกิจ - พนักงานของรัฐประเภทอื่น ๆ ลุกจ้างของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจ - ผู้บริหารพรรคการเมือง - ทนายความ และเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาหรือจำเลย ได้แก่ - บุพการี ผู้สืบสันดาน สามี ภริยา ญาติ พี่น้อง - ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง - บุคคลที่เกี่ยวพันโดยทางสมรส หรือ - บุคคลที่ศาลเห็นว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเสมือนเป็นญาติพี่น้องหรือมีความ สัมพันธ์ในทางอื่นที่ศาลเห็นสมควรให้ประกันได้อัตราหลักประกัน - ทำสัญญาประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้ เฉลี่ยต่อเดือนหากวงเงินประกันมียอดสูงกว่าวงเงินที่ผู้นั้นมีสิทธิประกันได้ ศาลอาจกำหนดให้ผู้ขอประกันวางเงินหรือหลักทรัพย์อื่นเพิ่มเติมให้เพียงพอ กับวงเงินประกันนั้นได้ หรืออาจให้มีผู้ขอประกันหลายคนร่วมกันทำสัญญา ประกันโดยใช้วงเงินของแต่ละคนรวมกันได้
|
หลักฐานที่ต้องนำมาแสดงในการขอประกันตัว
1. บัตรประชาชน บัตรข้าราชการ หรือบัตรแสดงตำแหน่งหน้าที่การงาน ทะเบียนบ้านของจำเลยและผู้ประกันพร้อมสำเนา
2. หลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก) เงินสด บัญชีเงินฝาก
3. หนังสือรับรองจากต้นสังกัดหรือนายจ้าง(กรณีขอประกันตัวด้วยตำแหน่งหน้าที่)
4. หนังสือรับรองราคาประเมิน(กรณีใช้โฉนดที่ดิน, หนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นระกัน)
5. หนังสือรับรองจากธนาคาร(กรณีใช้สมุดเงินฝากเป็นประกัน)
6. หลักฐานการยินยอมของคู่สมรส(กรณีผู้ประกันมีคู่สมรส)
หลักเกณฑ์ในการสั่งคำร้องขอประกัน
เมื่อยื่นคำร้องขอประกันแล้ว ศาลจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ ประกอบในการพิจารณาสั่งคำร้อง คือ
1. ความหนักเบาแห่งข้อหา
2. พยานหลักฐานที่นำสืบแล้วมีเพียงใด
3. พฤติการณ์ต่างๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร
4. เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
5. ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่
6. ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวมีเพียงใด
7. คำคัดค้านของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
ขั้นตอนการขอประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย
1. ขอแบบพิมพ์คำร้องขอประกันตัวได้จากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาล
2. เขียนคำร้องขอประกันตัวได้เอง โดยขอคำแนะนำหรือดูตัวอย่างได้จากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์หากผู้ขอประกันเขียนหนังสือไม่ได้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จะช่วยเขียนให้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนแต่ประการใด
3. ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยลงชื่อในคำร้องขอประกันตัว หากผู้ต้องหาหรือจำเลยมิได้ถูกขังอยู่ที่ศาลเป็นหน้าที่ของนายประกันที่จะต้องนำคำร้องไปให้จำเลยหรือผู้ต้องหาลงชื่อ
4. นายประกันยื่นคำร้องขอประกันตัวพร้อมหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
5. เมื่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้ตรวจคำร้องและหลักฐานเรียบร้อยแล้วจะลงบัญชีรับเรื่องไว้เป็นหลักฐานแล้วนำเสนอคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อพิจารณาสั่งคำร้อง เมื่อผู้พิพากษาสั่งคำร้องแล้วจะส่งคำร้องขอประกันกลับคืนไปที่เจ้าหน้าที่
6. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จะแจ้งคำสั่งของศาลให้นายประกันทราบ
7. หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกัน นายประกันอาจต้องวางเงินประกัน ค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีโดยเจ้าหน้าที่จะออกใบรับหลักฐานการขอประกันและใบรับเงินให้
8. เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันแล้ว ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศาลและยังไม่มีการออกหมายขังไว้เลย จะนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยออกจากห้องควบคุมในศาลได้เลย ถ้าหากผู้ต้องหาหรือจำเลยอยู่ระหว่างถูกขังตามหมายศาล เจ้าหน้าที่จะนำหมายปล่อยไปปล่อย ณ ที่ถูกคุมขัง
9. ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกปล่อยตัวในวันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
10. หากศาลไม่อนุญาตให้ประกัน ผู้ขอประกันขอรับหลักทรัพย์ที่ยื่นไว้คืนได้จากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
11. การขอประกันในระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกา ใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้วแต่ศาลอาจใช้ดุลพินิจเพิ่มหลักประกันจากของศาลชั้นต้นได้
การขอรับหลักทรัพย์หรือเงินสดคืนจากศาล
เมื่อคดีถึงที่สุด หรือศาลอนุญาตให้ถอนประกัน หรือสัญญาประกันสิ้นสุดลงด้วยเหตุอื่นความรับผิดตามสัญญาประกันสิ้นสุดลง นายประกันสามารถขอหลักประกันคืนได้ทันทีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลและแนบหลักฐานคือใบรับหลักฐานและใบรับเงิน ที่ ศาลออกให้เมื่อครั้งยื่นขอปล่อยชั่วคราว หากใบรับหลักฐานหรือใบรับเงินสูญหาย ต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและนำใบรับแจ้งความมาแสดงต่อศาล โดยปกติแล้วนายประกันต้องยื่นคำร้องด้วยตนเอง หากไม่สามารถมารับได้ด้วยตนเองสามารถมอบฉันทะให้ผู้อื่นมารับหลักทรัพย์หรือเงินสดแทนได้ โดยใบมอบฉันทะขอได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาล
การมอบฉันทะให้ส่งตัวจำเลยหรือผู้ต้องหา
ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้นายประกันได้ประกันตัวจำเลยหรือผู้ต้องหาไปนายประกันมีหน้าที่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลตามกำหนดนัดของศาลทุกครั้งแต่หากนายประกันไม่สามารถมาศาลได้ นายประกันอาจมอบฉันทะให้บุคคลอื่นส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลแทนได้โดยขอแบบฟอร์มใบมอบฉันทะได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาล
การขอถอนประกัน
นายประกันอาจขอถอนประกันได้เสมอโดยต้องส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลเมื่อศาลได้อนุญาตความรับผิดชอบตามสัญญาประกันเป็นอันสิ้นสุดลง ในกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษปรับอย่างเดียวถ้าจำเลยไม่สามารถชำระค่าปรับ จะต้องถูกขังแทนค่าปรับในอัตราวันละ 200 บาท กรณีนี้จำเลยอาจยื่นขอประกันเพื่อไปหาเงินมาชำระค่าปรับได้
กรณีศาลสั่งปรับนายประกัน
ในกรณีที่ศาลสั่งปรับนายประกันตามสัญญาประกัน นายประกันจะต้องนำเงินค่าปรับมาชำระต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดมิฉะนั้นศาลจะสั่งยึดหลักประกันขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระค่าปรับต่อไปและถ้าได้เงินไม่พอชำระค่าปรับศาลอาจยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของนายประกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าปรับจนครบ นายประกันที่ศาลสั่งปรับตามสัญญาประกัน มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลได้ภายในกำหนด 1 เดือนหรืออาจนำตัวจำเลยมาส่งศาลและขอลดค่าปรับต่อศาล
ข้อควรปฏิบัติสำหรับนายประกัน
1. ให้ชื่อและที่อยู่อันแท้จริงต่อศาลหากมีการย้ายที่อยู่ต้องแจ้งให้ศาลทราบโดยเร็ว
2. เมื่อศาลอนุญาตให้ประกัน นายประกันต้องลงลายมือชื่อในสัญญาประกันไว้เป็นหลักฐานและต้องลงชื่อทราบกำหนดวันเวลาส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมายังศาลด้วย
3. ส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลตามกำหนดนัดในชั้นผัดฟ้องฝากขังนายประกันต้องนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาศาลในวันครบกำหนดผัดฟ้องฝากขัง แต่ละครั้งเมื่อศาลนัดให้จำเลยไปศาลในวันใด ไม่ว่าจะเป็นวันนัดสืบพยานนัดฟังคำพิพากษา นัดสอบถาม หรือนัดเพื่อการอื่นใด นายประกันต้องนำจำเลยไปส่งศาลทุกครั้ง หากนายประกันผิดนัดไม่สามารถนำผู้ต้องหาหรือจำเลยไปศาลตามที่กล่าวข้างต้น ศาลอาจถอนประกันและปรับนายประกันตามสัญญาทันทีฉะนั้นนายประกัน จึงต้องคอยติดตามอยู่เสมอว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยอยู่ที่ใดในระหว่างประกันตัว
อัตราค่าประกันตัวผู้ต้องหาชั้นพนักงานสอบสวน | |
ประเภทความผิด | กำหนดราคาประกัน |
1.เกี่ยวกับการปกครอง | |
-ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ( ม.136 ) | 10,000 บาท ขึ้นไป |
-แจ้งความเท็จ ( ม.137 ) | 20,000 บาท ขึ้นไป |
-ให้สินบนเจ้าพนักงาน ( ม.144 ) | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ( ม.157 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
2.เกี่ยวกับความยุติธรรม | |
-ให้สินบนเจ้าพนักงาน ( ม.167 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-แจ้งความเท็จ ( ม.172,173,174 ) | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-ฟ้องเท็จ ( ม.175 ) | 60,000 บาท ขึ้นไป |
-เบิกความเท็จ ( ม.177 ) |
60,000 บาท ขึ้นไป |
-แสดงหลักฐานเท็จ ( ม.180 ) | 60,000 บาท ขึ้นไป |
-ขัดหมายศาล ( ม.210 ) | 10,000 บาท ขึ้นไป |
3.เกี่ยวกับความสงบสุข | |
-ซ่องโจร ( ม.210 ) | 20,0 00 บาท ขึ้นไป |
ถ้ามีอาวุธปืนหรือของกลาง | 30,000 บาท ขึ้นไป |
-มั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อความไม่สงบ ( ม.215 ) | 20,000 บาท ขึ้นไป |
-ถ้าผู้กระทำผิดเป็นหัวหน้า | 30,000-50,000 บาท ขึ้นไป |
4.เกี่ยวกับก่อให้เกิดอันตราย | |
-วงเพลิงเผาทรัพย์ ( ม.217 ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นทรัพย์ตาม ม.218 | 300,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย ( ม.224 ) | 400,000 บาท ขึ้นไป |
-ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ( ม.225 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
5.เกี่ยวกับเอกสาร | |
-ทำลายเอกสารพินัยกรรมของผู้อื่น ( ม.188 ) | 80,000 บาท ขึ้นไป |
-ปลอมแปลงเอกสาร ( ม.244 ) | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ( ม.265 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-ปลอมเอกสาร ( ม.266 ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
6.เกี่ยวกับเพศ | |
-ข่มขืนกระทำชำเรา ( ม.276,277 ) | 150,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นการโทรมหญิง | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-กระทำอนาจาร ( ม.278,279 ) | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-เป็นธุระจัดหาฯ ( ม.283 ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-พรากผู้เยาว์ฯ ( ม.317,318,319 ) | 120,000 บาท ขึ้นไป |
7.เกี่ยวกับชีวิตร่างกาย | |
-ฆ่าผู้อื่น ( ม.288,289 ) | 400,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นการพยายามกระทำผิด | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย | 100,000-150,000 บาท ขึ้นไป |
-ชุลมุนมีคนตาย | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-ทำร้ายร่างกาย ( ม.295 ) | 20,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าใช้อาวุธ | 30,000 บาท ขึ้นไป |
-ทำร้ายร่างกายถึงสาหัส | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-ชุลมุนมีผู้ได้รับอันตรายสาหัส | 20,000 บาท ขึ้นไป |
-กระทำโดยประมาทมีผู้ได้รับอันตรายสาหัส | 30,000-50,000 บาท ขึ้นไป |
8.เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท | |
-การหมิ่นประมาท ( ม.326,327 ) | 10,000 บาท ขึ้นไป |
-หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ( ม.328 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
9.เกี่ยวกับทรัพย์ | |
-ลักทรัพย์ ( ม.334 ) | 50,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นทรัพย์ฯ เกินกว่า 500,000 บาท หรือใช้วิธีล้วงกระเป๋า | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-ลักทรพัย์ ( ม.335 ) | 120,000 บาท ขึ้นไป |
-ลักทรัพย์ ( ม.335 ทวิ,336 ทวิ ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-วิ่งราวทรัพย์ ( ม.336 ) | 120,000 บาท ขึ้นไป |
-วิ่งราวทรัพย์ ( ม.336 ทวิ ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-กรรโชกทรัพย์ ( ม.337 ) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-รีดเอาทรัพย์ ( ม.338 ) | 120,000 บาท ขึ้นไป |
-ชิงทรัพย์ | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-ปล้นทรัพย์ ( ม.340 ) | 300,000 บาท ขึ้นไป |
-ฉ้อโกง ( ม.341 ) |
ขั้นต่ำประมาณ 3/4 ของเงินที่ ฉ้อโกงแต่ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท |
-ฉ้อโกงประชาชน ( ม.343 ) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-รับของโจร ( ม.357 ) | 80,000 บาท ขึ้นไป |
-ทำให้เสียทรัพย์ ( ม.358 ) |
ขั้นต่ำประมาณ 3/4 ของทรัพย์ ที่เสียหาย แต่ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท |
ความผิด พ.ร.บ. อื่นๆ | |
1.พ.ร.บ.การพนัน | |
-ผู้เล่นตามบัญชี ก. | 10,000 บาท ขึ้นไป |
-ผู้เล่นตามบัญชี ข. (สำหรับลูกค้า ผู้เล่น) | 5,000-10,000 บาท ขึ้นไป |
-เจ้ามือหรือผู้จัดให้มีการเล่น | 30,000 บาท ขึ้นไป |
-ตามบัญชี ก. และบัญชี ข. สำหรับเจ้าบ้าน | 20,000 บาท ขึ้นไป |
2.พ.ร.บ.อาวุธปืน | |
-มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียน (ปืนเถื่อน) | 80,000 บาท ขึ้นไป |
-มีอาวุธปืนมีทะเบียน (พกพา) | 30,000 บาท ขึ้นไป |
-มีอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตฯ (ผิดมือ) | 30,000-50,000 บาท ขึ้นไป |
-มีเครื่องกระสุนปืน (ขึ้นอยู่กับจำนวนของกลาง) | 20,000-50,000 บาท ขึ้นไป |
-มีเครื่องกระสุนปืน,วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต | 500,000 บาท ขึ้นไป |
3.พ.ร.บ.ยาเสพติด | |
-เสพกัญชา | 5,000 บาท ขึ้นไป |
-ครอบครองกัญชา (ไม่เกิน 20 กรัม) | 30,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นชาวต่างประเทศ | 100,000 บาท ขึ้นไป |
-ครอบครองเฮโรอีน (ไม่เกิน 1 กรัม),ฝิ่น | 100,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นชาวต่างประเทศ | 250,000 บาท ขึ้นไป |
-ครอบครองเฮโรอีน,มอร์ฟีน (ตั้งแต่ 1-20 กรัม) | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-จำหน่ายกัญชา | 80,000 บาท ขึ้นไป |
-จำหน่ายเฮโรอีน,มอร์ฟีน | |
1.ไม่เกิน 1 กรัม | 100,000 บาท ขึ้นไป |
2.ตั้งแต่ 1-5 กรัม | 300,000 บาท ขึ้นไป |
3.เกินกว่า 5 กรัม | 400,000 บาท ขึ้นไป |
-จำหน่ายฝิ่น | 100,000-300,000 บาท ขึ้นไป |
4.พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ (ยาบ้า) | |
-เสพฯ | 30,000-50,000 บาท ขึ้นไป |
-ครอบครองไม่เกิน 10 เม็ด | 50,000-100,000 บาท ขึ้นไป |
-จำหน่าย | 200,000 บาท ขึ้นไป |
5.พ.ร.บ.สารระเหย | |
-สูด ดมสารระเหย,กาว | 5,000 บาท ขึ้นไป |
6.พ.ร.บ.จราจรทางบก | |
ขับรถประมาท | |
1.ชนแล้วหลบหนี | 20,000 บาท ขึ้นไป |
2.มีคนบาดเจ็บแล้วหลบหนี | 30,000 บาท ขึ้นไป |
3.มีคนเจ็บสาหัสแล้วหลบหนี | 50,00 บาท ขึ้นไป |
ขับรถประมาทมีคนตาย | |
1.รถธรรมดา | 150,000 บาท ขึ้นไป |
2.รถสาธารณะ | 180,000 บาท ขึ้นไป |
3.หลบหนี | 200,000 บาท ขึ้นไป |
7.พ.ร.บ.ลิขสิทธิ | |
-ละเมิดตาม (ม.24,25,26) | 100,000 บาท ขึ้นไป |
ถ้าเป็นละเมิดเพื่อการค้า | 200,000 บาท ขึ้นไป |
-ละเมิดตาม (ม.27 ) | 400,000 บาท ขึ้นไป |
8.พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม | 50,000 บาท ขึ้นไป |
9.พ.ร.บ.ยา | 50,000 บาท ขึ้นไป |
10.พ.ร.บ.ยาสูบ | 50,000 บาท ขึ้นไป |
11.พ.ร.บ.จัดหางาน | |
-จัดหางานเพื่อทำงานในประเทศ | 50,000 บาท ขึ้นไป |
-จัดหางานเพื่อทำงานต่างประเทศ | 200,000 บาท ขึ้นไป |
12.พ.ร.บ.เทปวัสดุโทรทัศน์ | |
-ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต | 20,000 บาท ขึ้นไป |
-มีวัสดุเทปโดยไม่ผ่านการพิจารณาฯ | 10,000 บาท ขึ้นไป |
13.พ.ร.บ.การค้าประเวณี | |
-เตล็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณีในที่สาธารณะ | 5,000 บาท ขึ้นไป |
-ค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี | 5,000 บาท ขึ้นไป |
-เป็นธุระจัดหาหญิงเพื่อการค้าประเวณี | 20,000 บาท ขึ้นไป |
14.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง | 80,000 บาท ขึ้นไป |
15.พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว | 40,000 บาท ขึ้นไป |
16.พ.ร.บ.อาหาร | 80,000 บาท ขึ้นไป |
17.พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า | 100,000 บาท ขึ้นไป |
18.พ.ร.บ.ป่าไม้,โรงงานแปรรูปไม้,พระราชกฤษฎีกาป่าไม้ | 200,000 บาท ขึ้นไป |
19.พ.ร.บ.ศุลกากร | 300,000 บาท ขึ้นไป |
20.พ.ร.บ.ชั่ง ตวง วัด | 20,000 บาท ขึ้นไป |
21.พ.ร.บ.โรงงาน | 50,000 บาท ขึ้นไป |