Company Logo

Contact Us

Notice

ปัจจุบัน อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทางสำนักงานฯจึงขอนำเสนอบทความทางกฎหมาย

การเรียกร้องค่าเสียหาย ในส่วนคดีแพ่ง

กรณีไม่ตาย อ้างอิง ป.พ.พ. มาตรา 438 441 443 446

1 ค่าซ่อมรถ ค่าเสื่อมราคารถค่าลากจูงรถค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถ

2 ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงในอนาคตด้วย หากมีการรักษาต่อเนื่อง

3 ค่ากายภาพบำบัด

4 ค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน เช่น หน้าเสียโฉม แขนขาพิการ หรือใช้การได้ไม่เป็นปกติ เป็นต้น

5 ค่าขาดรายได้ ที่ต้องหยุดงาน

 

กรณีตาย อ้างอิง ป.พ.พ. มาตรา 443 444 445 446

1 ค่าปลงศพ ตามประเพณีและฐานะ เช่น ค่าเผาศพ ค่าโลงศพ ค่าพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น

2 ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพ เช่น ค่าอาหารเลี้ยงแขก ค่าเช่าศาลาวัด ค่าเงินถวายพระ ค่าดอกไม้ ค่าหนังสือ ค่าของชำร่วย เป็นต้น

3 ค่ารักษาพยาบาลก่อนตาย แม้จะเบิกได้ หรือได้รับส่วนลด อ้างอิงคำพิพากษาศาลฏีกาที่ 2258/2527 806/2533

4 ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ก่อนตาย เช่น ช่วงที่รักษาพยาบาลก่อนตาย ทำงานไม่ได้ เป็นต้น

5 ค่าขาดไร้อุปการะ

6 ค่าขาดแรงงานในครอบครัว อ้างอิงคำพิพากษาศาลฏีกาที่ 567/2538

ค่าความเศร้าโศกเสียใจ --- เรียกร้องไม่ได้

 

ประกันภาคบังคับ มี 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 คือ ค่าเสียหายเบื้องต้น

- บาดเจ็บ วงเงินค่ารักษาพยาบาลตามจริง ไม่เกิน 30,000 บาท/คน 

- ทุพพลภาพ  35,000 บาท/คน

- บาดเจ็บต่อมาทุพพลภาพ ไม่เกิน 65,000 บาท/คน

- เสียชีวิต ค่าปลงศพ 35,000 บาท/คน

- เสียชีวิตจากภายหลังรักษาพยาบาล 65,000 บาท/คน

 

ส่วนที่ 2 คือ เมื่อมีสรุปผลคดี หรือมีคำพิพากษาของศาล จ่ายเงินตามกรมธรรณ์ที่คุ้มครองไว้

 

บุคคลคู่กรณี : ผู้ขับขี่ นายจ้าง เจ้าของรถ บริษัทประกัน 

 

อายุความ

1 ฟ้องคนขับขี่ นายจ้าง : 1 ปีนับแต่วันรู้ตัวผู้กระทำผิด หรือ 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด

2 ฟ้องบริษัทประกัน : 2 ปี

 

การรับโทษ ในส่วนคดีอาญา อ้างอิง ป.อ. มาตรา 290 300 390

1 กรณีรับสารภาพ ศาลจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง หากมีการบรรเทาผลร้ายหรือความเสียหายด้วย ศาลก็จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อเป็นเหตุแห่งการรอการลงโทษ ซึ่งส่วนใหญ่ศาลจะลงโทษจำคุก แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ หรือศาลอาจกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และให้พนักงานคุมประพฤติเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขในการคุมประพฤติ เช่น ให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นเวลากี่ชั่วโมง หรือศาลอาจกำหนดในคำพิพากษาห้ามขับรถภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น

2 กรณีชนกันธรรมดา ไม่มีคนบาดเจ็บหรือคนตาย มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว มีโทษ ปรับไม่เกิน 1000 บาท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(4)

3 ความผิดทางอาญาในข้อหานี้เป็นความผิดยอมความไม่ได้

 

ตัวอย่างคดีคำพิพากษาศาลฏีกา ที่น่าสนใจ

ประเด็น โจทก์ต้องบรรยายคำฟ้องให้ชัดเจน ในส่วนของกรมกรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2582/2551

    ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้องมีใจความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2544 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ไปตามถนนด้วยความประมาท เป็นเหตุให้รถชนทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เห็นว่า แม้โจทก์แนบตารางกรมธรรม์ประกันภัยไว้ท้ายคำฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ในฐานะใด หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับ จ. ผู้เอาประกันภัย อันจะเป็นเหตุให้ ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่า ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างไร และไม่อาจต่อสู้คดีของโจทก์ได้ การบรรยายฟ้องในเรื่องดังกล่าวจึงเป็นสาระสำคัญ มิใช่รายละเอียดที่สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา เพราะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 คำฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง

 

ประเด็น ค่าเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2551

    สิทธิในการได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2533 มาตรา 20 เป็นสิทธิทางแพ่งที่ผู้ประสบภัยจะได้รับเพื่อเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นโดยเจ้าของรถต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย โดยประกันภัยกับบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยและต้องเสียเบี้ยประกันภัย กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสำหรับจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัย ส่วนสิทธิของผู้ประกันตนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 เกิดจากการเป็นผู้ประกันตนและออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนตามมาตรา 46 สิทธิของผู้ประสบภัยและสิทธิของผู้ประกันตนจึงเป็นสิทธิตามกฎหมายต่างฉบับ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยและกองทุนประกันสังคมก็แตกต่างกัน การก่อให้เกิดสิทธิจากเบี้ยประกันภัยกับเงินสมทบและการจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิได้รับแตกต่างกันไปตามกฎหมายแต่ละฉบับ กฎหมายทั้งสองฉบับไม่มีบทบัญญัติมิให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินตามกฎหมายอื่น แล้วมารับค่าเสียหายเบื้องต้นหรือประโยชน์ทดแทนอีก

    โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกันตนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชน เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ม. อันเป็นสถานพยาบาลที่จำเลยกำหนด แม้โรงพยาบาล ม. เรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นค่าเสียหายเท่าที่จ่ายจริงจากบริษัท ว.ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ม. ได้รับจึงเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 4 แต่จำเลยยังมิได้ให้ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นค่าบริการทางการแพทย์ (ค่ารักษาพยาบาล) จากกองทุนประกันสังคม ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 58, 59 แล้ว จำเลยจึงต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้โจทก์

 

ประเด็น การอ้างรายงานการสอบสวนของเจาหน้าที่ตำรวจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2551

    จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกหัวลากและรถพ่วง ในทางการที่จ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไปจอดบริเวณไหล่ทางในเวลากลางคืนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง เป็นเหตุให้ ส. ขับรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เฉี่ยวชนได้รับความเสียหาย โจทก์คงมี ส. เบิกความกล่าวอ้างลอยๆว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เปิดไฟของรถยนต์ไว้ โดยไม่มีพยานอื่นมาสนับสนุน จึงมีน้ำหนักน้อยที่จะรับฟัง ประกอบกับในคดีอาญา ส. ผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ก็ให้การรับสารภาพว่า ขับรถยนต์โดยประมาทเฉี่ยวชนรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 จนได้รับความเสียหาย และมีผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบจึงมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ คำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่ว่าได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ และให้ความเห็นจากการตรวจที่เกิดเหตุ และแผนที่เกิดเหตุประกอบกันว่า เหตุเกิดเพราะความผิดของฝ่ายใด มิใช่พยานบอกเล่า รับฟังได้

 

ประเด็น โทษจำคุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2530

    ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กรรมต่างวาระกัน รวมจำคุก 7 ปีและปรับ 1,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยบทหนักกรรมเดียว จำคุก 1 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นเพียงการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี คู่ความต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 โจทก์ฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมโดยรู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น หากแต่จำเลยพยายามบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับผิดมาแต่ต้นขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของโจทก์เป็นการคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการกำหนดโทษจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว.

 

ประเด็น การขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ผู้ตายจะต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย (ไม่มีส่วนประมาทด้วย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5055/2559

    เหตุคดีนี้เกิดจากการที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นแซงรถกระบะที่อยู่ด้านหน้าล้ำเข้าไปเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่แล่นสวนทางมาในช่องเดินรถของผู้ตาย ซึ่งหากจำเลยไม่ขับรถจักรยานยนต์แล่นล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของผู้ตายเหตุครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ตายขับรถโดยไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายและขับรถมาด้วยความเร็ว ก็อาจเป็นเพียงการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 เท่านั้น ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการกระทำความผิดของจำเลย ประการสำคัญขณะเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยานยนต์แล่นอยู่ในช่องเดินรถของตน การที่ผู้ตายขับรถโดยไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายและขับรถมาด้วยความเร็วดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้รถจักรยานยนต์ของผู้ตายถูกรถจักรยานยนต์ของจำเลยเฉี่ยวชน แต่การที่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายถูกรถจักรยานยนต์ของจำเลยเฉี่ยวชน และผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย ผู้ตายหามีส่วนประมาทด้วยไม่ ผู้ตายจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งเป็นบิดามารดาของผู้ตายย่อมมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้

 

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆ อีกด้วย

    ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้ เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

    ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้น ทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา 444 ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย

    ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดีเป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความเสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะกล่าวในคำพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีก็ได้

มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปี 1 นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้น 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด

    แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ

 

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535

มาตรา 20 เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้ประสบภัยจากรถที่บริษัทได้รับประกันภัยไว้ ให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยเมื่อได้รับคำร้องขอจากผู้ประสบภัย

    ความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้นการร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง

 

ประมวลกฎหมายอาญา ที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522

มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ

(4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทนายความ

1 การเรียกร้องดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิด

ค่าซ่อมรถส่วนใหญ่ บริษัทประกันของฝ่ายเรา จะรับช่วงสิทธิจากเราไปฟ้องอีกที

3 ในคดีอาญา ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์รวมกับอัยการ และขอเรียกบริษัทประกันเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้ เพื่อเรียกค่าเสียหายได้ ในดคีอาญาโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ แต่ไม่สามารถเรียกนายจ้างเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้ ต้องยื่นฟ้องคดีแพ่งอีกต่างหาก

4 นอกจากความผิดทางอาญาแล้ว ผู้กระทำความผิดจะต้องรับผิดทางแพ่งด้วย เรียกว่า คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยผู้เสียหายสามารถนำคดีอาญาที่ยุติแล้วไปเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้เลย ไม่ต้องนำสืบเรื่องประมาทอีก แต่ถ้าคดีอาญาผลคำพิพากษาไม่มีความผิดประมาท ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิที่จะนำมาฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งได้ เพียงแต่ต้องนำสืบถึงความประมาทด้วย

5 จำนวนค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ ศาลจะใช้ดุลยพินิจกำหนด

 

 

อัตราค่าบริการว่าความ คดีรถชน

 

 

ลำดับ

 

 

รูปแบบคดี

 

ราคา(บาท)

 

1

 

 

ยื่นคำฟ้อง เรียกค่าเสียหาย 

 

30,000 (เริ่มต้น)

 

2

 

 

ต่อสู้คดี

 

30,000 (เริ่มต้น)

 

3

 

 

ยื่นคำเรียกร้อง สถาบันอนุญาโตตุลาการ คปภ.

บริษัทประกันภัย

 

 

30,000 (เริ่มต้น)

 

หมายเหตุ อัตรานี้เฉพาะคดีที่มีเขตอำนาจศาลอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน

นอกเหนือจากนี้ เพิ่มค่าเดินทางกิโลเมตรละ 5 บาท




Powered by Joomla!®. Designed by: joomla 1.6 templates web hosting Valid XHTML and CSS.